-
วิธีป้องกันไวรัสโควิด (Covid-19) ที่คนไทยต้องรู้
หน้าแรก
วิธีป้องกันไวรัสโควิด (Covid-19) ที่คนไทยต้องรู้

ไวรัสโควิด 19 (Covid-19) คือเชื้อไวรัสที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎ พบครั้งแรกกลางทศวรรษที่ 1960 โดยมีเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ 4 สายพันธุ์ใหญ่ ๆ ด้วยกัน แต่ตัวที่ระบาดมากที่สุดคือ SARS-CoV พบครั้งแรกที่ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2002-2003 ซึ่งได้ระบาดไปทั่วโลกและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ต่อมาพบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ MERS-CoV เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศซาอุดีอาระเบีย ในแถบตะวันออกกลาง
จนกระทั่งล่าสุดพบ “เชื้อไวรัสโควิด 19 หรือ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019” ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน โดยบริเวณที่พบผู้ป่วยมากที่สุดและคาดว่าน่าจะเป็นรังของโรค คือ ตลาดอาหารทะเลและสัตว์หายากในเมือง ซึ่งได้แพร่กระจายไปในหลายเมืองในประเทศจีนและหลายประเทศ เช่น ไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
โดยเฉพาะในประเทศไทยเอง ผู้ป่วยรายแรกที่พบนั้นเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 61 ปี จากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีอาการไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะและเจ็บคอ สามวันก่อนเดินทางมาที่ประเทศไทย ต่อมาได้เดินทางมาพร้อมครอบครัวเพื่อท่องเที่ยว เมื่อเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อนที่สนามบิน (thermo scan) จึงพบว่ามีไข้ และถูกส่งตัวไปนอนรักษาที่โรงพยาบาลทันที อีกสองวันต่อมา ทางโรงพยาบาลสามารถแยกเชื้อโดยวิธีการทางโมเลกุลได้ว่าเป็นเชื้อ “ไวรัสโควิด 19” จึงรายงานไปที่องค์การอนามัยโลก และประเทศไทยได้ประกาศว่าเป็นประเทศแรกนอกเหนือจากประเทศจีน ที่มีผู้ป่วย ไวรัสโควิด 19 ในเวลานี้ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงการระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัสโควิด 19 อยู่ที่ระดับ “สูงมาก” หลังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและมีการลุกลามไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
วิธีสังเกตอาการ (Covid-19)
หากได้รับเชื้อไวรัสโควิด 19 ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการออกมาภายใน 1 วัน ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 นั้น ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการมีไข้สูง > 37.5 องศา ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจหอบเหนื่อย ถ่ายเหลวท้องเสีย หากผู้ป่วยมีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ จะทำให้มีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤตและเสียชีวิตได้
ล่าสุดทาง…ดร. อเดล แมคคอร์มิค นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ ในอังกฤษ ระบุว่า การป้องกันการได้รับเชื้อทำได้โดย “หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า, ปาก, จมูก และดวงตา” เนื่องจากมันอาจเป็นช่องทางที่ไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ พร้อมแสดงวิธีการดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันคุณจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

วิธีป้องกัน (Covid-19)
เบื้องต้นทุกคนสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ดังนี้
- เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
- เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นที่เป็นรังโรค และเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนที่มีการระบาด
- ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่
- ควรล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
- งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
- เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
- ทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
- ควรดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลังจากกลับจากต่างประเทศภายใน 14 วัน หากมีอาการป่วยควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และแจ้งรายละเอียดว่าเราเคยไปต่างประเทศมาแม้ว่าประเทศนั้นจะไม่มีการติดเชื้อก็ตาม
- สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยตรง ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา
อัพเดท…ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท. หรือ CAAT) ได้คำแนะนำประชาชนที่หากมรเหตุจำเป็นต้องไปต่างประเทศด้วยเครื่องบินในช่วงนี้ โดยทาง กพท. ได้อธิบายและแนะนำวิธีป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 โดยผู้โดยสารควรจำเป็นต้องป้องกันตัวเองในลักษณะเดียวกับการอยู่ในพื้นที่แออัด ดังนี้
- หากถ้าโดนท่านโดนไอจามใส่บริเวณหน้า มือแขน ต้องรีบล้างทันทีเพื่อลดความเสี่ยง
- ระมัดระวังการสัมผัสโดนสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ โดยเฉพาะห้องน้ำบนเครื่องบน
- จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ บริเวณช่องทางเสี่ยงติดเชื้อ คือ อวัยวะบนใบหน้า เช่น ตา จมูก ปาก
- หากท่านพบคนไอจาม ควรแบ่งปันหน้ากากอนามัยให้ (ถ้ามี) เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อ
นอกจากนี้ ทาง กพท. ได้แนะนำวิธีการสวมหน้ากากอนามัยถูกต้อง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย โดยหันด้านที่มีสีออกข้างนอก(บ้างแบบสีเขียว บางแบบสีน้ำเงิน) โดยสวมให้กระชับครอบคลุมทั้งจมูกและปาก ในเวลาใส่หรือถอดให้จับบริเวณสายคล้องเพื่อป้องกันโรคติดที่มือและไม่ควรไปจับหน้ากากบ่อยๆเพราะมือท่านอาจจะติดเชื้อและเชื้ออาจจะไปติดที่หน้ากากได้เพราะมือเป็นอวัยวะที่มีความเสี่ยงในการนำพาเชื้อเพราะสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ควรล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่ หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ โดยดูได้จากวิธีล้างมือ
คําแนะนําเพิ่มเติม
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.moneyguru.co.th/travel-insurance/articles/โควิด-19/
คลิกดูสถิติผู้คลิกอ่าน 68,255 ครั้ง
สาระน่ารู้ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
-
พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ควรมองข้าม
21 พฤศจิกายน 2568 1,770 -
เตรียมตัวรับกับฤดูหนาว
31 ตุลาคม 2568 2,811 -
ห้องน้ำสาธารณะ รู้ก่อนใช้ห่างไกลเชื้อโรค
30 กันยายน 2568 4,214 -
ทำความรู้จักโรคติดเชื้อ HIV
30 พฤษภาคม 2568 11,569 -
เล็ก แต่ ร้าย !! แมลงก้นกระดก ภัยใกล้ตัวหน้าฝน
28 เมษายน 2568 8,444 -
วิธีปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้รอดปลอดภัยในระหว่างเกิดแผ่นดินไหวและหลังแผ่นดินไหว
31 มีนาคม 2568 9,464 -
อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
28 กุมภาพันธ์ 2568 9,463 -
ฝุ่น PM 2.5
28 มกราคม 2568 10,862 -
5 โรคฮิตที่มาพร้อมหน้าหนาว
29 พฤศจิกายน 2567 67,218 -
คุณสมบัติของกาแฟ
29 ตุลาคม 2567 31,524 -
6 โรคติดต่อ...ที่ควรระวังเมื่อมีน้ำท่วมขัง
26 กันยายน 2567 56,715 -
รู้จักกับปลาหมอคางดํา หรือปลาหมอสีคางดํา
26 กรกฏาคม 2567 65,817
จัดซื้อจัดจ้าง
-
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนจัดหาพัสดุ (ผ.ด.3) ประจำปีงบประมาณ 2568 งวดที่ 1 เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567
-
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนจัดหาพัสดุ (ผ.ด.3) ประจำปีงบประมาณ 2567 งวดที่ 2 เดือนเมษายน - มิถุนายน 2567
-
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนจัดหาพัสดุ (ผ.ด.3) ประจำปีงบประมาณ 2567 งวดที่ 3 เดือนกรกฏาคม - กันยายน 2567
-
ประกาศเผยแพร่แผนการจัดซื้อจัดจ้าง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โครงการก่อสร้างอาคารเรียนระดับประถมศึกษาพร้อมปรับภูมิทัศน์ ภายใน
-
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนจัดหาพัสดุ (ผ.ด.3) ประจำปีงบประมาณ 2566 งวดที่ 1 เดือนตุลาคม 2565 - มีนาคม 2566
ค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์
ปฎิทินกิจกรรม
ท่านคิดว่า อบจ.ระยอง ควรเน้นหนักแก้ไขปัญหาในเรื่องใดเป็นอันดับแรก
- ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค โหวต
- แก้ไขปัญหายาเสพติด โหวต
- แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โหวต
- แก้ไขปัญหาน้ำท่วม โหวต
- ราคาผลผลิตภาคการเกษตร โหวต
สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์
- กำลังใช้งาน 123 คน
- ผู้เข้าชมวันนี้ 3,526 คน
- ผู้เข้าชมทั้งหมด 20,402,908 คน
แปลภาษา
