โครงการ อบรม สัมมนา ทัศนศึกษาดูงานการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดระยอง

โครงการ อบรม สัมมนา ทัศนศึกษาดูงานการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดระยอง วันที่ 10 - 13 กันยายน 2562 ณ จังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นำคณะกรรมการพัฒนา สนับสนุน ประสาน และติดตามแผน จำนวน 80 คน เข้าศึกษาดูงาน ณ เทศบาลเมืองชะอำ เรื่อง การประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาดูงาน “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหัวข้อ ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการกำจัดขยะและการบัดน้ำเสียชุมชนและนำผลไปพัฒนาเทคโนโลยีการกำจัดขยะ และบำบัดน้ำเสียพร้อมทั้งสร้างรูปแบบการใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักจากการกำจัดขยะและน้ำเสียที่บำบัดแล้ว ซึ่งโครงการนี้ ในหลวง ร.9 ทรงมีพระราชดำริเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2533 ให้มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงาน กปร. กรมชลประทาน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับขยะมูลฝอยและน้ำเสียในชุมชน ซึ่งมีผลต่อการรักษาสภาพป่าชายเลนด้วยวิธีการทางธรรมชาติและรักษาธรรมชาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินงานศึกษาวิจัยตามโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา และ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ โดยรับฟังการบรรยาย ประวัติความเป็นมาของโครงการ และแนวทางในการจัดทำแปลงเกษตรตัวอย่างแบบบูรณาการ การพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง การทำสวนยางพาราอัดแก๊ส เป็นต้น ซึ่งโครงการนี้ ช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 ในหลวง ร.9 ทรงซื้อที่ดินบริเวณอ่างเก็บน้ำหนองเสือ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี 120 ไร่ จากราษฎรด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ปีถัดมาทรงซื้อแปลงติดกันอีก 130 ไร่ รวมทั้งหมด 250 ไร่ และมีพระราชดำริให้ทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร สภาพดินเดิมเป็นดินทรายและหินลูกรัง ขาดแคลนแหล่งน้ำ ทำให้การเพาะปลูกไม่ดีนัก การฟื้นฟูและพัฒนาที่ดินระยะแรกได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อสาธารณูปโภค แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรเริ่มเข้ามาถึง ผืนดินก็ค่อย ๆพลิกฟื้นอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านที่เคยละทิ้งถิ่นฐานก็กลับมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมอีกครั้ง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งทางคณะศึกษาดูงานจะได้นำหลักคำสอนของในหลวง ร.9 และองค์ความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นในอนาคตต่อไป