สร้างสรรค์ปลูกศิลป์ "ศิลปะบนนาข้าว"แห่งแรกในเมืองไทย
แปลงนี้มีชื่อว่า หนองตะพาน ยินดีต้อนรับ
"ข้าว"อยู่คู่กับวิถีคนไทยมาช้านานนับแต่บรรพกาล
คนไทยมีภูมิปัญญาในการปลูกข้าว ทำนา และสร้างสรรค์ผลผลิตพันธุ์ข้าวจากทุ่งรวงทองที่ไม่เป็นรองใคร(แต่น่าแปลกที่ชาวนาไทยส่วนใหญ่ในวันนี้ก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม)
มาวันนี้บ้านเราได้มีนวัตกรรมใหม่ของนาข้าวถือกำเนิดขึ้นนั่นก็คือ "ศิลปะบนนาข้าว" ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ผู้สนใจได้ไปศึกษาเที่ยวชมกัน
ต้นกล้าจากแปลงเมา ง่วงขับเท่ากับตายกำลังเติบโต
ศิลปะบนนาข้าว แห่งหนองตะพาน
หากพูดถึงศิลปะบนนาข้าวที่โด่งดังนั้นอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่มาวันนี้เราไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น เพราะเพียงแค่แวะไปที่ ต.หนองตะพาน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เราก็จะได้พบกับศิลปะบนนาข้าวอันทรงเสน่ห์อวดโฉมให้ชื่นชมกัน
หนองตะพาน เป็นตำบลเล็กๆที่ชาวบ้านมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ระหว่างพื้นที่นากับ พื้นที่บ้านมีลำธารน้ำไหลผ่าน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะสร้างสะพานเป็นของตนเองไปสู่ที่นา จึงมีสะพานจำนวนมากมาย ต่อมาเมื่อมีการตั้งตำบลขึ้น จึงใช้ชื่อว่า "ตำบลหนองตะพาน" ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า "หนองสะพาน" นั่นเองที่ ต.หนองตะพาน แห่งนี้นอกจากชาวบ้านจะกินอยู่กันอย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังมีการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อชุมชนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร หรือการส่งเสริมให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เสริมจากภายนอกเข้ามาสู่ชุมชน
รูปรถกับโทรศัพท์ ไว้เตือนสติคนชอบโทรศัพท์ขณะขับรถ
สำหรับผลงานชิ้นโบว์แดง ของตำบลแห่งนี้นั่นก็คือ แนวความคิดการดัดแปลงทุ่งข้าวให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จากเดิมที่ชาวบ้านต้องปลูกข้าวจนเขียวขจีไปทั้งทุ่งแล้วนั้น ชาวหนองตะพานได้แนวคิดว่าแปลงนาก็สามารถเพิ่มมูลค่าและสร้างความสวยงามได้เช่นกันโดยผ่านผลงานที่มีชื่อว่า "ศิลปะบนนาข้าว"
นนท์ มังคลากุล หัวหน้าโครงการศิลปะบนนาข้าว แห่ง ต.หนองตะพาน เล่าถึงจุดกำเนิดแนวคิดการพัฒนาจากนาข้าวธรรมดา ให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ของ จ.ระยอง ว่า เขาและพรรคพวกเริ่มแนวคิดนี้ เมื่อมีโอกาสได้เห็น รูปศิลปะบนนาข้าวของประเทศญี่ปุ่นทางอินเตอร์เน็ตนนท์ มังคลากุล ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ศิลปะบนนาข้าว
"ผมเกิดคำถามในใจตัวเองว่า เมืองไทยเราทำไม่ได้หรือ ทั้งๆที่ บ้านเราปลูกข้าวส่งออกเป็นลำดับที่หนึ่งของโลก พวกเราปลูกข้าวได้ ปีละหลายๆครั้ง อย่างเช่นที่หนองตะพาน เราปลูกข้าวปีหนึ่งได้ผลผลิต สามครั้ง เนื่องจากน้ำมีอย่างเพียงพอ แล้วทำไมเราไม่ลองทำงานศิลปะบนนาข้าวที่หนองตะพานดูบ้าง
ถ้าทำได้ เราทำได้ปีหนึ่ง 3 ต่อแปลง แล้วถ้ากลุ่มชาวนาของเรา สนับสนุนให้โครงงานนี้เป็น โครงงานของตำบลเรา คาดกันว่า ปีหนึ่งหากทำกันสัก 10 แปลง เราจะได้รูปศิลปะบนนาข้าว 30 ภาพในหนึ่งปี ในขณะที่ญี่ปุ่น ปีหนึ่งปลูกได้ครั้งเดียว เพราะบางช่วงอากาศหนาวเย็น ทำการเพาะปลูกไม่ได้ เราทำหนึ่งปีเท่ากับญี่ปุ่นทำ 30 ปี"นนท์กล่าวถึงที่มาที่ไป ก่อนจะมาเป็นศิลปะบนนาข้าวที่หนองตะพาน
ต้นหมากสัญลักษณ์หนึ่งของ ต.หนองตะพาน ที่ถูกนำมาถ่ายทอดลงในงานศิลปะบนนาข้าวด้วย
นนท์เล่าต่ออีกว่า จากนั้นเขาและพรรคพวกได้เสาะหาพันธุ์ข้าวสีดำจากทั่วประเทศ หาข้อมูลอยู่ 3 เดือน จนใกล้ท้อแล้ว มาเจองานวิจัยของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้เริ่มรวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวก่ำ หรือ ข้าวเหนียวดำพื้นเมืองของไทย พบว่ามี สายพันธุ์ "ก่ำดอยสะเก็ด"ที่ให้ ลำต้น กาบใบ และ รวงเมล็ดข้าวเป็นสีดำอมม่วง ยกเว้นรากเท่านั้น ที่ไม่ดำ ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ที่จะนำมาทำโครงงานศิลปะบนนาข้าว
แปลงแรก ลงแรง รวมใจ
ปัญญา สุขสว่าง หรือลุงปัญญา ที่ปรึกษาอาวุโสของโครงการ เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้เล่าถึงเรื่องราวของศิลปะบนนาข้าวอย่างภาคภูมิใจว่า หลังจากที่ทางกลุ่มได้พันธุ์ข้าวมาแล้ว ก็ได้นำมาทดลองปลูกในหนองตะพานอีกมุมจากศิลปะบนนาข้าว ในแปลงหนองตะพาน ยินดีต้อนรับ
ปลูกในช่วงเดือน ส.ค. 2551 สร้างแปลงทดลอง โดยแปลงแรกทำเป็นรูป "เมา ง่วง โทร แล้วขับรถ เท่ากับ ตาย " บนแปลงขนาน 2 ไร่เศษ ขนานกว้าง 35เมตร ยาว 120 เมตร โดยได้รับความร่วมมือจากแปลงนาของชาวบ้านในพื้นที่เอื้อเฟื้อให้
"เจอปัญหาหลายอย่างทั้งแปลงนาไม่มีทีระบายน้ำออกหรือเข้า เกิดพายุฤดูร้อน ฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมขัง กล้าข้าวเหนียวดำไม่เกิดการงอกดีพอ แต่เราก็ไม่ท้อเพราะเหนือปัญหาเรายังมีความประทับใจที่เกิดจากการรวมแรงกันของคนในหมู่บ้าน ที่พยายามทำให้งานสำเร็จชาวบ้านภูมิใจที่ได้ทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว"ลุงปัญญากล่าว
ทางด้านนนท์นั้นเขาได้กล่าวต่ออีกว่า มีความคาดหวังอยู่ในใจลึกๆว่า "ศิลปะบนนาข้าว" จะช่วยซึ่งส่งผลให้เกิดรายได้กระจายสู่ชาวบ้านในพื้นที่ได้บ้างไม่มากก็น้อย ในปีนี้ทางทีมงานตั้งเป้าไว้ว่าจะทำภาพศิลปะบนนาข้าวให้ได้16 รูปภาพในปีนี้
ยิ่งต้นกล้าเติบโตความชัดเจนของภาพศิลปะจะเพิ่มมากขึ้น
"นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมเรามีกิจกรรมแนะนำคือ สามารถร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวกับชาวบ้านได้หากมาในช่วงที่ข้าวออกรวงเหลือง-ดำ เต็มที่ มูลค่าของการผลิตข้าวเพิ่มจาก 8,000 เป็น 50,000 บาท ต่อตัน จากโครงการนี้"นนท์กล่าว
เที่ยวช่วงไหน ดูอย่างไรให้สวย
สำหรับการเข้าชมแปลงนาที่มีรูปแบบของศิลปะบนนาข้าวนั้น จะมีแปลงแรกเป็นเรื่องรณรงค์เมาไม่ขับมีชื่อว่า "เมา ง่วง โทร ขับ เท่ากับตาย" โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยวชมอยู่ที่ระหว่างวันที่25 พ.ค.-30 มิ.ย.2552 แปลงที่สองมีชื่อว่า "สานสายใยครอบครัว" ช่วงเวลาที่เยี่ยมชมระหว่างวันที่ 1ก.ค.-1 ก.ย.2552
หอชมภาพบนแปลงนาที่สร้างเตรียมไว้รอรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลนี้
แปลงที่สาม "หนองตะพานยินดีต้อนรับ" ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเยี่ยมชม 7 ก.ค. - 7ก.ย.2552 แปลงที่สี่ "วิถีชีวิตชาวนา" ดูได้ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค - 9 ต.ค.2552 แปลงที่ห้าชื่อเรื่อง"ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หนองตะพาน" ช่วงเวลาเยี่ยมชมระหว่างวันที่ 17 ก.ค.-17 ก.ย.2552 แปลงที่หก ดูได้ช่วงวันแม่เป็นแปลงที่ชาวบ้านภูมิใจ คือแปลง "เส้นทางความรักของแม่" เป็นการเล่าเรื่อง 5 ภาพติดกันบนแปลงนา 13 ไร่ มีทั้งภาพ แม่อุ้มท้อง ให้นม พาไปโรงเรียน ดูแลยามป่วย ปิดท้ายด้วยลูกจูงแม่ยามชรา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อเยี่ยมชม นอกเหนือจากจะมาดูศิลปะบนนาข้าวแล้ว ยังสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมอื่นๆในชุมชนและพักค้างแบบโฮมสเตย์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ล่าสุดทางชุมชนหนองตะพานยังได้มีการจัดเตรียมขึ้นนั่งร้านหอชมภาพสูง 3 ชั้น สูง 4 เมตรที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวเสร็จแล้ว กำลังทาสีสะท้อนแสง ตีแนวกันตก ทำราวบันได ลูกศร ทางขึ้น - ลง รวมทั้งทำสีสะท้อนแสงบริเวณรอบๆ เช่น รอบต้นไม้ ก่อน -หลัง จุดขึ้นชมเตือนผู้ขับขี่ให้ขับรถช้าๆผ่านบริเวณนั้น เตรียมจุดป้ายจอดรถ
"ทางเราจะจัด เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและดูแลนักท่องเที่ยว ในแต่ละแปลงที่ติดถนน มีการสัญจรด้วยครับ ความปลอดภัย และ ดูแลต้อนรับดี คือ หัวใจของเราครับ"นนท์กล่าวทิ้งท้าย
บ้านโฮมสเตย์ที่มีพร้อมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
อนึ่ง งานศิลปะบนนาข้าวของชาวหนองตะพานนี้ จัดได้ว่าสำเร็จเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพราะนอกจากที่ต.หนองตะพานแล้ว ยังมีการริเริ่มสร้างสรรค์ศิลปะบนนาข้าวอีกแห่งหนึ่งที่จ.ราชบุรี ด้วยความร่วมมือของ อาสาสมัครกรีนพีซ และเกษตรกรราชบุรีร่วมปลูกข้าวอินทรีย์ในแปลงนาขนาด 10 ไร่
ซึ่งเดือนมิ.ย.ที่จะถึงนี้ก็จะมี นาข้าวผืนนี้จะงอกงามกลายเป็นศิลปะอันสวยงามสะท้อนวิถีชีวิตของชาวนาไทย ด้วยภาพชาวนาใส่หมวกฟาง และถือเคียวร่วมกันเกี่ยวข้าวอันแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ถ้าไม่อยากรอคอยแนะนำเลยว่ามาดูที่ ต.หนองตะพาน อ.บ้ายค่าย จ.ระยอง ก่อนดีกว่าเพราะดูได้แล้ววันนี้ไปจนถึงสิ้นปี