ประชาคมรับฟังข้อมูลโครงการศึกษาวิจัยความเหมาะสมในการพัฒนาพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา

 

ประชาคมรับฟังข้อมูลโครงการศึกษาวิจัยความเหมาะสมในการพัฒนาพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา

วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดศาลาน้ำลึก ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง โดย กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จัดการประชุมประชาคมรับฟังข้อมูลโครงการศึกษาวิจัยความเหมาะสม ในการพัฒนาพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา มี นายประสานต์ พฤกษาชาติ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (2) เป็นประธานเปิดประชาคม พร้อมด้วย นางสุพรรณี สุขสันต์รุ่งเรือง ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (กล่าวรายงาน) นางสาวราตรี คุ้มญาติ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมนายทรงสรรค์ อุนะพำนัก ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์ชะแวะ นายสุจินต์ สุขเกิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัว กำนัน ผู้ใหญ่ และประชาชนตำบลหนองบัว เข้าร่วมรับฟังข้อมูลฯ อย่างพร้อมเพรียง

องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ได้ดำเนิน โครงการศึกษาวิจัยความเหมาะสมในการพัฒนาพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา ขับเคลื่อนการดำเนินการจัดตั้งสถานศึกษาในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมจังหวัดระยอง ให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ที่สมดุลและยั่งยืนต่อไป ศูนย์นวัตกรรมการศึกษา นิคมสหกรณ์ชะแวะ คือการเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ตามทิศทางยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการศึกษา เพื่อก้าวสู่การเป็นเมืองนวัตกรรมก้าวหน้า พัฒนาอย่างสมดุล บนพื้นฐานความพอเพียง โดยมียุทธศาสตร์ในการดำเนินโครงการ คือ “การพัฒนาความเป็นมนุษย์อย่างเป็นองค์รวม เพื่ออนาคตที่สมดุลและยั่งยืน ประกอบไปด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้

1)ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และการดำเนินงานของสถาบันการเรียนรู้ของคนทุกช่วงวัยจังหวัดระยอง ตามทิศทางยุทธศาสตร์การศึกษาจังหวัดระยอง และกรอบหลักสูตร Rayong MARCO

2)ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เชื่อมโยง (Connected Learning Ecosystem) ด้วยการเชื่อมโยงระหว่าง สถานศึกษา ค่ายลูกเสือคุณธรรม และศูนย์การเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้าวิจัยแบบครบวงจร

3)ยุทธศาสตร์ที่ 3 การปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมจิตสำนึกสาธารณะเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

4)ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และการเรียนรู้บนฐานปรากฏการณ์ (Phenomenon - Based Learning)

5)ยุทธศาสตร์ที่ 5 การส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อตอบรับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ด้านเทคโนโลยี ระบบการเรียนการสอนแบบไฮบริด ตลอดจนการผสมผสานการเรียนรู้โดยการรวมเอาการเรียนในชั้นเรียน กับ การเรียนจากเทคโนโลยีต่างๆ มารวมเข้าด้วยกันTechnology/ Hybrid Blended Learning (Online - Offline) และสร้างความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้

6)ยุทธศาสตร์ที่ 6 การเชื่อมโยงการพัฒนาโครงการ กับภาพรวมการพัฒนาย่านเมืองโดยรอบ รวมถึงพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งในวันนี้ได้จัดประชาคม เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้ามารับฟัง และร่วมกันแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลในการวิจัยและพัฒนาโครงการต่อไป

ภาพ/ข่าว..ธีรศิษฏ์